Category Archives: สินค้า

ข้อผิดพลาดที่มักเกิดขึ้นกับบลัชออน

บลัชออนเป็นหนึ่งในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางที่ขาดไม่ได้บนใบหน้า เพื่อช่วยให้คุณเข้าใจวิธีการปัดบรัชออนอย่างแท้จริง เราจึงได้รวบรวมข้อผิดพลาดที่พบมากที่สุดสำหนับการใช้งานบรัชออนแบบผิด ๆ อันได้แก่..

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

ข้อผิดพลาด 1: อย่าลงสีหนักเกินไป

ถ้าคุณติดว่ากำลังเดินอยู่บนรันเวย์หรือแต่งตัวเปรี้ยวจี๊ด เรามีวิธีการปัดแก้มแบบเบา ๆ โดยการกวาดแปรงปัดแก้มของคุณกับตัวผลิตภัณฑ์ เพื่อแตะในส่วนที่เกินออกก่อน แล้วค่อยนำไปใช้กับผิวของคุณ จำไว้ว่าคุณสามารถเพิ่มสีสันให้มากขึ้นได้ แต่เป็นเรื่องยากมากที่คุณจะลบมันออก

 

ข้อผิดพลาด 2: การใช้ผิดแปรง

เป็นเรื่องที่ดีหากคุณจะใช้แปรงบลัชออนที่มีขนาดใหญ่กว่าแปรงอายแชโดว์เล็กน้อยประมาณสองนิ้ว เพราะว่าขนาดของแปรงก็มีผลต่อการลงสีเช่นกัน

 

ข้อผิดพลาด 3: ไม่ได้เน้นไปที่โหนกของแก้ม

โหนกของแก้มเป็นส่วนที่เห็นได้ชัดเมื่อคุณยิ้ม และนั่นคือสิ่งที่คุณควรจะใช้บรัชออนสีอ่อน ปัดขึ้นไปทางด้านบนและพยายามหลีกเลี่ยงการใช้สีเข้มด้านล่างโหนกแก้มของคุณ เพียงแค่นี้ก็จะทำให้คุณดูมีเสน่ห์เพิ่มมากขึ้นไปอีก

 

ข้อผิดพลาด 4: การผสมที่ไม่ถูกต้อง

บลัชออนจะต้องมีการผสมสีให้ดูเป็นธรรมชาติไม่เหมือนวงกลมสองวงสีแดงกองอยู่บนใบหน้าของคุณ ให้สีบริเวณโหนกแก้มผสมผสานออกมาในมุมเฉียงไปทางมุมด้านนอกของดวงตาหรือเส้นผม เพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติที่สุด

 

ข้อผิดพลาด5: การเลือกสีผิด

ไม่ใช่ว่าคุณไม่สามารถทดลองสีบรัชออนก่อนซื้อ แต่ถ้าคุณต้องเลือกให้เหมาะสมกับสีผิวของคุณ หากคุณมีสีผิวที่เข้ม อาจใช้สีออกผลเบอร์รี่สดใส เข้มกว่าเม็ดสีผิวมากขึ้นเล็กน้อย

 

ข้อผิดพลาด 6: การใช้บรัชออนกับสีลิปสติกของคุณ

เป็นเรื่องสมควรอย่างยิ่งที่จะให้สีบรัชออนและสีลิปสติกอยู่ในทิศทางสีเดียวกัน แต่มันก็ไม่ควรที่จะเป็นสีเดียวกัน หากคุณกำลังทาสีลิปสติกเข้มให้เลือกสีบรัชออนสีอ่อน ถ้าเลือกใช้สีปากสดใส ให้ปัดบรัชออนบนแก้มเล็กน้อยให้ดูเป็นธรรมชาติไว้จะดีกว่า เพราะหลังจากแต่งหน้าให้ภาพรวมทั้งหมดมีความสมดุลและกลมกลืนกันดีที่สุด

ประโยชน์ของการทำงานหลอด LED

lodled

เชื่อได้อย่างแน่นอนว่าหลอด LED เป็นที่นิยมของหลอดไฟฟ้าที่จะตามมาในอนาคตอย่างแน่นอน อาจจะสามารถทดแทนการใช้งานหลอดไฟฟ้าของทั้งประเทศได้มากถึง 50% หลอด LED นอกจากประโยชน์และข้อดีหลายๆ อย่างแล้ว สามารถทดแทนหลอดแบบเก่าได้ และจะมีการผลิตออกมาหลากหลายรูปแบบมากขึ้น ในปัจจุบันเห็นได้ว่าหลายคนเริ่มหันมาใช้กันมากขึ้น สำหรับใครที่เห็นถึงข้อดีของหลอด  LED แล้วลองเปลี่ยนมาใช้กันดูบ้างก็ดีค่ะ อาจจะจ่ายแพงกว่านิดหน่อยแต่คุ้มค่าสำหรับการลงทุนอย่างแน่นอน ( lodled )

1. หลอด LED ทนต่อการสั่นสะเทือนมากกว่า สามารถใช้งานได้ในพื้นที่ที่มีความเคลื่อนไหวอยู่ตลอด เช่น พื้นที่ในลิฟท์ หรือพื้นที่ที่มีการเคื่อนย้ายสิ่งของ ทำให้ลดโอกาสที่หลอดไฟจะเสียมากขึ้น

2. ไม่มีแสง UV หลอดไฟประเภท LED ไม่ปล่อยแสง UV ปลดปล่อยออกจากแสงใดๆ แม้แต่น้อยเมื่อเทียบกับหลอดไฟนีออน และหลอดประเภทฟูลออเรสเซ็นต์แบบธรรมดา

3. แสงจากหลอด LED ไม่กระพริบ จึงทำให้ไม่เสียสุขภาพทางสายตา เหมาะกับการใช้ทำงานในระยะเวลานานอย่างต่อเนื่องเพื่อถนอมสายตาของผู้ใช้งาน

4. ประหยัดพลังงาน หลอด LED เป็นหลอดไฟที่ประหยัดพลังงานมากกว่าหลอดไฟประเภทอื่นๆ ที่มีวางขายอยู่ตามท้องตลาด ซึ่งผู้ใช้แต่ละคนมักจะรู้จักหลอดไฟชนิดนี้ในเรื่องของการประหยัดพลังงานเป็นหลัก และการประหยัดเงินค่าไฟฟ้า

5. ประสิทธิภาพของแสงที่เหมาะสมกับรูปแบบโคม เนื่องจาก LED จะมีทิศทางการส่องสว่างแบบเป็นท่อ ไม่ได้กระจายออกทุกทิศทาง ทำให้สามารถออกแบบตัวหลอดให้เหมาะสมกับโคมโดยไม่ปล่อยแสงไปในทิศทางที่ไม่ต้องการได้ ทำให้เกิดการประหยัดไฟฟ้าได้

6. หลอด LED ปล่อยความร้อนน้อยกว่าหลอดไฟแบบเดิมด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ หลอดไฟ LED จึงไม่ปล่อยความร้อนออกมา เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ไม่ทำให้อุณหภูมิของห้องเพิ่มขึ้น และเป็นการประหยัดพลังงานได้ทั้งในส่วนของพลังงานจากหลอดไฟเดิม และพลังงานจากระบบเครื่องปรับอากาศ

10 ประเทศอาเซียน มีประเทศไหนกันบ้าง

%e0%b8%ad%e0%b8%b2%e0%b9%80%e0%b8%8b%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%99

อาเซียน (ASEAN, Association of South East Asian Nations) หรือ สมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถูกตั้งขึ้นตามปฏิญญากรุงเทพฯ (Bangkok Declaration) เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2510 โดยมีประเทศอาเซียนที่เป็นสมาชิกเริ่มต้นจำนวน 5 ประเทศ คือไทย  อินโดนีเซีย  สิงคโปร์  มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ ต่อมาจึงมีประเทศขอเข้าร่วมเป็นสมาชิกเพิ่มอีก 5 ประเทศ คือ บรูไน เวียดนาม ลาว พม่า และกัมพูชา ทำให้ ประเทศอาเซียน มีทั้งหมด 10 ประเทศดังเช่นปัจจุบัน

กลุ่มชาติสมาชิกอาเซียน ทั้ง 10 ประเทศ มีดังนี้

1. ประเทศบรูไน (Brunei)  ประเทศบรูไนเข้าเป็นสมาชิกอาเซียนเป็นประเทศที่ 6 เมื่อวันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2527 ภายหลังได้รับเอกราชจากประเทศอังกฤษ

2. ประเทศกัมพูชา (Cambodia) ประเทศกัมพูชาเข้าร่วมเป็นสมาชิกกลุ่มอาเซียนเป็นลำดับสุดท้าย คือลำดับที่ 10 ทั้งๆ ที่ยื่นความจำนงค์เข้ามาพร้อมกับลาวและพม่า (ลำดับที่ 8 และ 9) กลุ่มอาเซียนจึงรับกัมพูชาเข้าเป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2542

3. ประเทศอินโดนีเซีย (Indonesia) ถือว่าเป็นประเทศผู้ร่วมก่อตั้งอาเซียน โดยเข้าร่วมเป็นสมาชิกตั้งแต่เริ่มต้น เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2510 ภายหลังการลงนามในปฏิญญากรุงเทพฯ

4. ประเทศลาว (Laos, PDR)  ประเทศ สปป.ลาว เข้าร่วมเป็นสมาชิกของอาเซียนเป็นลำดับที่ 8 เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2540 โดยเข้าเป็นประเทศอาเซียนพร้อมกับพม่า และลาว

5. ประเทศมาเลเซีย (Malaysia) เป็นสมาชิกผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่มอาเซียน เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2510 ตามปฏิญญากรุงเทพ

6. ประเทศพม่า หรือ เมียนมาร์ (Myanmar) เข้าร่วมเป็นสมาชิกของอาเซียนเป็นลำดับที่ 9 เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2540

7. ประเทศฟิลิปปินส์ (Philippines) ก็เป็นอีกหนึ่งสมาชิกผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่มอาเซียน เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2510 ตามปฏิญญากรุงเทพ

8. ประเทศสิงคโปร์ (Singapore) เข้าร่วมเป็นสมาชิกอาเซียนในฐานะผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่มอาเซียนเช่นกัน เมื่อวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2510 ตามปฏิญญากรุงเทพ

9. ประเทศไทย (Thailand)  ประเทศไทย นอกจากจะเป็นสมาชิก 5 ชาติแรกและเป็นผู้ร่วมก่อตั้งอาเซียนแล้ว ยังเป็นเจ้าภาพในการลงนามเพื่อสร้างข้อตกลงในการสร้างกลุ่มอาเซียนขึ้นมาด้วย โดยการลงนามนี้เรียกว่า ปฏิญญากรุงเทพฯ (Bangkok Declaration) ซึ่งลงนามกันเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2510 ที่พระราชวังสราญรมย์ โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของประเทศสมาชิกก่อตั้ง 5 ทั้งประเทศ ดังนั้นจึงสามารถกล่าวได้ว่ากรุงเทพคือบ้านเกิดของอาเซียน

10. ประเทศเวียดนาม (Vietnam)  ประเทศเวีดนาม เข้าร่วมเป็นสมาชิกอาเซียนเป็นลำดับที่ 7 เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2538

วิธีการทำความสะอาดและดูแลของกระเบื้องยาง

bfm-co-th-th-product_tarkett-php

กระเบื้องยางนั้นเป็นที่นิยมสำหรับสถานที่หรือองค์กรต่างๆเป็นอย่างมาก เนื่องจากราคาถูก หาซื้อได้ง่ายและมีลวดลาย และสีที่โดนใจมากมายรวมถึงราคาที่ถูกมากกว่า กระเบื้องธรรมดาอีกด้วยโดยกระเบื้องยางนั้นคุณภาพก็ดีเลิศไม่แพ้ใคร หากยังไม่มีงบประมาณในการทำบ้านควรเลือกใช้กระเบื้องยางที่ราคาไม่แพงมาก แต่เคลือบฟิล์มชั้นดีระดับหนึ่งไปใช้งานก่อนเพราะกระเบื้องยางนั้น สามารถลงมือปูได้ทันทีเพียงแต่พื้นปูนซีเมนต์ นั้นต้องเรียบเพราะมิฉะนั้น กระเบื้องยางจะขรุขระ ตะปุ่มตะป่ำ ไม่สวยงาม เสียเงินฟรีก็อาจเป็นได้ กระเบื้องยางนั้นมีราคาถูกกว่ากระเบื้องถึงสามเท่าต้นทุนของการซื้อที่ถูกกว่าแต่ได้ผลลัพธ์ที่เท่านั้นนับว่าการเลือกซื้อกระเบื้องยางนั้นคุ้มกว่ามาก อีกทั้ง ประหยัดและสามารถต่อยอดทำได้ทั้งหลัง ใช้ได้ทั้งห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องน้ำเพราะคุณสมบัติกันลื่นสามารถติดตั้งในบริเวณที่โดนน้ำได้ดี กระเบื้องยางนั้นมีความหนาแน่นและเหนียวหนืดมากกว่ากระเบื้องธรรมดาทั่วไป แต่ควรรักษาพื้นกระเบื้องด้วยการลงแว๊กสัปดาห์ละ 2-3 สัปดาห์ เผื่อเคลือบผิวหน้ากระเบื้องยางปูให้ไร้รอยขีดข่วนอีกทั้งยังรักษาคุณภาพสีของกระเบื้องยางให้สีสันสดในอยู่เสมอ

การทำความสะอาดของกระเบื้องยางนั้นสามารถทำได้ง่ายมากๆ ด้วยผ้าชุบน้ำแล้วเข็ดบนบริเวณที่สกปรกหรือมีรอยเปื้อนหรือถ้าหากมีรอยเปื้อนที่ค่อนข้างชัดเจนหรือรอยหมึก อันนี้เช็ดไม่ออกแน่นอนแนะนำให้ใช้น้ำยาล้างเล็บราดบนบริเวณที่มีการเปื้อนสักพักแล้วค่อยน้ำผ้าสะอาดไปเช็ด แต่ควรระวังการเช็ดจะยิ่งเลอะให้เช็ดวนรอบๆ และไม่ค่อยเช็ดซ้ำ ปล่อยแห้งและเช็ดด้วยน้ำตาเช็ดกระจกอีกครั้ง แล้วซับด้วยกระดาษทิชชู่ออกแน่นอนไม่ควรทำความสะอาดกระเบื้องยาง โดยการใช่แปรงที่มีความแข็ง ถูหรือขัดแรงๆเพราะบนกระเบื้องยางอาจจะทำให้รอยขีดข่วนมาแบบไม่รู้ตัว ขูดสีถลอกออกหมดไปแน่นอน แนะนำให้นำผ้าสะอาดดีกว่าโดยวิธีข้อ ตามที่กล่าวไว้ การติดตั้งกระเบื้องยางแล้วมีคราบกาวที่ช่างเชื่อมรอยต่อหากยังมีหลงเหลืออยู่ถ้าเป็นสีขาวนำผ้าสะอาดชุบน้ำแล้วถูกออกเบาๆจนกว่าจะออก แต่ถ้าเป็นสีดำแนะนำให้เช็ดเบาๆ ระวังเลอะไปแผ่นอื่น แล้วซับด้วยทิชชู่จะช่วยได้ในระดับหนึ่งแต่ถ้าหากกระเบื้องยางมีสีเข้มก็เช็ดแบบไม่ต้องเอาออกทั้งหมดก็ได้

เทคนิคในการเลือกของที่ระลึกให้ถูกใจผู้รับ

  1. ผู้ให้ ของที่ระลึก ต้องเป็นผู้ “เสียสละ” อย่างยิ่งใหญ่

อ่านหัวข้อแบบนี้แล้วอย่าคิดว่าเราต้องมากรีดเลือดให้แฟน หรือต้องเสียเงินเป็นหมื่นเพื่อซื้อของที่ระลึก นะคะ  การ”เสียสละ” ในที่นี้หมายถึงการลงทุนในเรื่องเวลา  หรือความทุ่มเทที่จะทำอะไรสักอย่างเพื่อคนที่เรารัก   สิ่งสำคัญในการให้ของที่ระลึก คือ การสื่อถึงความหวังดีและความจริงใจจากผู้ให้  จริงไหมคะ

หากคุณเป็นคนไม่ชอบทำอาหาร  การที่คุณลุกขึ้นมาทำอาหารให้คนรักทานในวันพิเศษ​  อาจจะเป็นของที่ระลึกที่ประทับใจสุดๆ ของคนที่คุณรักก็ได้    หรือเราอาจจะทำของขวัญ​Handmade ง่ายๆ เช่นการ์ดปีใหม่ หรืออัลบั้มภาพ ให้คนที่เรารักก็ได้ค่ะ  นอกจากนี้การเสียสละเวลาไปเดินตามหาของวินเทจเก๋ๆ สำหรับเพื่อนสาวที่รักของเรานั้นก็นับว่าเป็นการเสียสละเหมือนกัน

  1. ของที่ระลึกที่ดีควรมีจุดประสงค์เพื่อ ”ให้ผู้รับมีความสุขที่สุด“

ของที่ระลึกที่ดีไม่ต้องการสิ่งตอบแทน  การให้ของที่ระลึกนั้นควรมีจุดประสงค์เพื่อ “ให้ผู้รับมีความสุขที่สุด” เป็นหลัก  ข้อนี้บางคนอาจเห็นเป็นเรื่องง่ายๆ ใช่ไหมคะ แต่หลายคนไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองซื้อของที่ระลึก “ที่ตัวเองชอบ” ให้คนที่รัก แทนที่จะซื้อของที่ระลึกที่เขาชอบ  พอเป็นแบบนี้แทนที่จะทำให้คนรักมีความสุขกลับกลายเป็นทำให้เขาลำบากใจมากกว่าเดิม

  1. ของที่ระลึกที่ดีนั้นควรเป็น“ความหรูหรา” สำหรับผู้รับ

ความหรูหรา ในที่นี้ไม่ได้หมายถึงโลโก้แบรนด์เนมแพงระยับบนกระเป๋าหรอกนะคะ แต่หมายถึงการให้ของพิเศษซึ่งเป็นของที่ผู้รับ “อยากได้”  ไม่ใช่ของที่เขา “จำเป็น” ต้องใช้   หากคนที่คุณรักมีนักร้อง ดารา นางแบบ  ตัวการ์ตูนหรือหนังที่ชอบตั้งแต่เด็ก  ลองซื้อของที่ระลึกให้เขาดูนะคะ  บางทีของที่หลายคนมองว่าเป็นของ “ไม่จำเป็น”  หรือเป็น “ของรกบ้าน”  อาจมีความสำคัญมากๆ สำหรับเขาก็ได้ค่ะ

  1. ของที่ระลึกที่ดีควรมีความเหมาะสมกับผู้รับ

การให้ที่ระลึกที่ดี เราควรคำนึงถึงเพศ อายุ และความสัมพันธ์ของเรากับผู้รับของที่ระลึก

ในวัฒนธรรมเอเชียที่ให้ความสำคัญกับผู้อาวุโส   การที่ผู้ใหญ่ให้ของที่ระลึกเป็นเงินกับเด็กๆ นั้นดูไม่แปลกแต่ถ้าเด็กให้กลับบ้างก็คงไม่เหมาะสมเท่าไหร่

การซื้อของที่ระลึกที่แพงเกินไปก็อาจทำให้ผู้รับลำบากใจ  และอาจดูเป็นการโอ้อวดตนเองได้เหมือนกัน   (หากคนรับมีนิสัยดีพอนะคะ)

การให้ของที่ระลึกคนที่มีครอบครัวแล้ว  อาจต้องคำนึงถึงทางบ้าน  และให้ของที่ครอบครัวเขาสามารถใช้ได้ด้วย

เพราะฉะนั้นก่อนให้ของขวัญลองไตร่ตรองสักนิด ว่าเหมาะสมหรือไม่  หากไม่แน่ใจลองถามผู้คนรอบข้างก่อนก็ได้ค่ะ

  1. ของที่ระลึกที่ดี ต้องมีความ “น่าประหลาดใจ“

ใครๆ ก็ชอบความคาดไม่ถึง  นั่นเป็นสาเหตุที่เราต้องใช้กระดาษห่อขงที่ระลึกก่อนให้  เพื่อที่ผู้รับจะได้สงสัยว่าข้างในกล่องมีอะไรนะ   ก่อนจะให้ของที่ระลึกลองคิดรอบๆ ด้านก่อนก็ได้ค่ะ  ว่าผู้รับของที่ระลึกนั้นคาดหวังว่าจะได้รับอะไร

ตัวอย่างง่ายๆ เลย เช่น หากเรารู้ว่าผู้ใหญ่บางท่านอาจได้รับกระเช้าของขวัญทุกปีจนเบื่อ  อาจจะลองหาของอื่นให้เขาก็ได้ค่ะ

  1. ของที่ระลึกที่ดีต้องเป็นของที่ผู้รับ“อยากได้“

ลองพิจารณาถึงธรรมชาติ  และความชอบของผู้รับของขวัญตามความเป็นจริง  ลองดูว่าเขาชอบทำอะไรในเวลาว่างค่ะ

ตัวอย่างง่ายๆ เลยก็คือสาวๆ ที่ชอบเครื่องสำอาง  ถึงแม้จะมีครบทุกอย่างเต็มตู้ไปหมด มีครบทุกเฉดสีแล้ว  แต่พวกเธอก็จะมีความสุขสุดๆ ที่ได้เครื่องสำอางใหม่เป็นลิปกลอสสักแท่ง

คนชอบทำอาหารมักจะมีความสุขที่จะได้รับอุปกรณ์ทำครัวไม่ว่าจะเป็นกะทะหรือหม้อ ถึงแม้เขาจะมีหม้อร้อยใบอยู่ที่บ้านแล้วก็ตาม

เช่นเดียวกับคนที่ชอบวาดภาพ  การได้รับสมุดวาดภาพดีๆ หรืออุปกรณ์วาดภาพสวยๆ ก็ทำให้เขามีความสุขที่สุดแล้วค่ะ

คนที่ชอบทานกาแฟก็คงดีใจที่ได้รับเครื่องทำกาแฟ

คนชอบจักรยานก็ย่อมชอบกระเป๋าติดจักรยาน กริ่งจักรยาน หรือแม้แต่โมเดลจักรยาน ฯลฯ